About us
Company Profile
Vision & Mission
Our Philosophy
History
Leadership
Group Company
Awards
Portfolio
TV Program
Content Management
Licensing
Brand Communications
Event Organizer
Sukina
Ali
Star from JSL
News
Company News
Interviews
Picture Gallery
Career
Contact us
EN
Menu
Home
/
Portfolio : Sukina
3 ขั้นตอน ปรับวิธีคิด เปลี่ยนไลฟสไตล์ แก้โรคเครียด ทำได้หายเลย
Category:
Nutrition
| August 27, 2019
โดย เอื้อมพร แสงสุวรรณ NTP (Nutrition Therapy Practitioner)
สาเหตุหนึ่งของความเครียดคือ วิธีคิด และไลฟสไตล์ เราทุกคนยอมรับเรื่องนี้กันอย่างดี เมื่อประกอบการกินอาหาร ที่ก่อให้เกิดท็อกซิน รวมทั้งมลพิษรอบตัว ความเครียดก็ยิ่งรุนแรงและเรื้อรัง สุดท้ายก็ลุกลามไปยังระบบต่าง ๆ เราเลยมีวิธี ปรับวิธีคิด เปลี่ยนไลฟสไตล์ แก้โรคเครียด มาฝาก ทำได้หายเลย
(อย่าลืมว่า ความเครียดเกินจากอาหารการกินด้วยนะ เช่น อาหารที่เป็นแป้งขัดขาวหรือทำจากแป้งขัดขาว อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล น้ำหวาน อาหารแปรรูป อาหารที่มีส่วนผสมของสารเคมี ที่จะกลายเป็นภาระของร่างกาย ขณะย่อยอาหาร สุดท้ายก็กลายเป็นท็อกซิน ที่ก่อความเครียดต่อร่างกาย และอวัยวะต่าง ๆ)
อย่างไรก็ตาม บทความครั้งนี้ เราจะกล่าวถึงแต่เฉพาะไลฟสไตล์ที่ก็สร้างความเครียดรุนแรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการลุกลามไปยังระบบต่าง ๆ นั้น ที่มาจากธรรมชาติของโรคเครียดนั้น เกิดจากการที่ต่อมหมวกไตต้องหลั่งคอร์ติซอล มาจัดการกับภาวะที่ร่างกายกำลังเกิดวิกฤติ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากน้ำตาลในเลือดตก และระบบร่างกายจะเข้าใจว่า กำลังวิ่งหนีเสือ หรือกำลังจะตาย จึงต้องหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล เพื่อมาดึงพลังงานจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมาใช้ รักษาระดับการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิตที่สูงขึ้น
แน่นอนว่า ถ้าเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้งคงไม่เป็นไร แต่ชีวิตยุคใหม่ที่วิถีการกินอยู่ล้วนต้องสัมผัสกับท็อกซิน ทั้งจากอาหารและสิ่งแวดล้อม ภาวะความเครียดภายในร่างกายจึงเกิดขึ้น ทุก 2-3 ชั่วโมง และติดต่อกันเกือบทุกวัน เป็นเดือน เป็นปี ก็จะเกิดอาการอื่น ๆ ที่เป็นผลกระทบของความเครียดเรื้อรัง จนกลายเป็นโรคเครียด เช่น การนอนไม่หลับ ปัญหาการควบคุมอารมณ์ ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีลูกยาก น้ำหนักเพิ่ม ลดน้ำหนักยาก ติดอาหารบางอย่าง
นอกจากการปรับอาหารเพื่อ แก้โรคเครียด ปรับไลฟสไตล์ให้ผ่อนคลายและช้าลงบ้างแล้ว ยังมีการปรับเปลี่ยนอีกประการหนึ่ง นั่นคือ การปรับวิธีคิด ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนไลฟสไตล์เราได้ทั้งนี้ เราอาจจะต้องตั้งใจทำตามขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้
ขั้นตอนที่ 1
แยกเรื่องดี ออกจากเรื่องร้าย
เพื่อเราจะแยกคนดีออกจากคนไม่ดีให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นมากต่อชีวิต โดยเฉพาะการแก้โรคเครียด เนื่องจากการสร้างความเข้าใจต่าง ๆ ต่อเรื่องราว และคนรอบตัว เป็นการสร้าง mind set หรือกำหนดจิต ให้เราสามารถแยกแยะเรื่องราวต่าง ๆ ว่าอะไรดี อะไรร้าย รวมทั้งผู้คนในชีวิตว่า ใครดีต่อเรา ใครไม่ดีต่อเราให้ได้ เพื่อสุดท้าย สมองเราจะได้ทำงานเป็นอัตโนมัติเมื่อทำได้ เรื่องที่ทำให้เกิดภาวะเครียดในชีวิตจะลดลงทันที
ทั้งนี้วิธีง่าย ๆ สำหรับผู้ฝึกหัดแยกแยะคือ การบันทึก โดยทุกวัน (อาจเป็นช่วงเวลาก่อนนอน) ใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมงในการทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ โดยแบ่งหน้ากระดาษออกเป็นสองช่อง ช่องแรกบันทึกว่าอะไรใช่ ส่วนช่องที่สองบันทึกว่า อะไรไม่ใช่สำหรับเรา และถ้าเป็นไปได้ ควรระบุด้วยว่า เมื่อรู้สึกแย่กับเรื่องราวนั้น ๆ แล้ว ชีพจรเต้นแรงไหม และใช้เวลานานเท่าไรกว่าความรู้สึกผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายจะหายไป และวิธีเดียวกันนี้ เราสามารถใช้ในการบันทึกการกินอาหารด้วย เช่น กินอาหารอะไรมื้อไหน แล้วทำให้รู้สึกผิดปกติ ทุก ๆ สัปดาห์ ควรมีการสรุปผล เพื่อให้ตัวเองรู้ว่า เรื่องราว คน หรืออาหารชนิดไหนที่ส่งผลลบกับเรารุนแรงที่สุด แล้วจัดลำดับ 1-5 พร้อมทั้งจัดลำดับสิ่งที่ดีที่สุด 1-3
ขั้นตอนที่ 2
จัดหมวดหมู่เรื่องราว ผู้คน และอาหารที่ทำให้รู้แย่
เมื่อทำขั้นตอนแรกนานติดต่อกันสักเดือนหรือสองเดือน จนเราเริ่มมี mind set ใหม่แล้ว ต่อมาคือการระบุให้ชัดว่า เรื่องราว ผู้คน และอาหารอะไร ที่ทำให้รู้สึกไม่ดีนั้นมาจากไหน เช่น ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือสิ่งแวดล้อมทั่วไป เพื่อที่เมื่อเราต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่ดังกล่าว เราจะได้เตรียมตัวและใจให้พร้อม
การเตรียมตนเองให้พร้อมนั้น หมายถึง การกำจัดปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีออกให้เหลือน้อยที่สุด เช่น ถ้าต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเรื่องลูกที่ดื้อและช่างเถียงมาก เมื่อต้องอยู่บ้าน หรือต้องดูแลเขาตลอดช่วงวันหยุด เราก็ควรกินอาหารที่ทำให้รู้สึกดี หรือทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกดี
ขั้นตอนที่ 3
ทำแต่เรื่องดี
ถ้าการเข้าวัด ฟังธรรมะทำให้คุณรู้สึกดี ก็ให้หาเวลาทำบ่อย ๆ เช่นกันกับกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นเบิกบาน ก็จงทำบ่อย ๆ
ส่วนการที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ นอกจากขั้นตอนที่ 2 ที่คุณต้องพยายามลดปัจจัย ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดีในชีวิตแล้ว การแก้ปัญหาหรือการออกจากสถานการณ์ไม่ดีนั้น ก็จำเป็นที่ต้องทำอย่างละมุนละม่อม
เช่น กรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องลูกที่ดื้อและช่างเถียงมาก ก็ควรลดมาตรฐานของตัวเองลง เปิดใจและทำความเข้าใจเขามากขึ้น บางทีอาจช่วยให้เราอาจเห็นเรื่องลูกในมิติใหม่ เช่น เขาดื้อมากเพราะเขาเริ่มโต และอยากลองตัดสินใจด้วยตัวเอง หรือดื้อเมื่ออยู่ในบ้านที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งกรณีหลังอาจแก้ปัญหาด้วยการพาลูกไปเที่ยว ซึ่งก็จะช่วยผ่อนคลายตนเองด้วย
อย่างไรก็ตาม การปรับวิธีคิดตามคำแนะนำข้างต้นแล้วนั้น ควรทำร่วมกับการลด/งดแป้งขาว ของหวาน อาหารแปรรูป อาหารปนเปื้อนสารเคมี และท็อกซินต่าง ๆ รอบตัว
ข้อมูลอ้างอิง
หนังสือ Adrenal Fatigue, The 21st Century Stress Syndrome ของดร.นายแพทย์ เจมส์ แอล. วิลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด
เรียบเรียงโดย วินนา รักการ
ขอบคุณภาพจาก unsplash
share
Home
About us
Company Profile
Vision & Mission
Our Philosophy
History
Leadership
Group Company
Awards
Portfolio
TV Program
Content Management
Licensing
Brand Communications
Event Organizer
Sukina
Ali
Star from JSL
News
Company News
Interviews
Picture Gallery
Career
Contact us